สทนช. เตือนจังหวัดเสี่ยง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก จากสถานการณ์ฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ ประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ ช่วงวันที่ 7 – 10 พ.ย.
วันที่ 4 พ.ย. 68 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประกาศ ฉบับที่ 29/2568 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยระบุว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบนและภาคใต้
ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังในช่วงวันที่ 7 – 10 พฤศจิกายน 2568 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
1.1 ภาคเหนือ
- บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภออมก๋อย)
- จังหวัดลำปาง (อำเภอสบปราบ)
- จังหวัดสุโขทัย (อำเภอสวรรคโลก)
- จังหวัดตาก (อำเภอแม่สอด)
- จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอบางระกำ เนินมะปราง และวังทอง)
- จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอน้ำหนาว)
- จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอเมืองกำแพงเพชร คลองขลุง ลานกระบือ และไทรงาม)
- จังหวัดพิจิตร (อำเภอวชิรบารมี และวังทรายพูน)
1.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- บริเวณ จังหวัดเลย (อำเภอนาด้วง และปากชม)
- จังหวัดหนองบัวลำภู (อำเภอเมืองหนองบัวลำภู และนากลาง)
- จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงกาฬ และเซกา)
- จังหวัดสกลนคร (อำเภอกุสุมาลย์)
- จังหวัดนครพนม (อำเภอเมืองนครพนม ท่าอุเทน ปลาปาก บ้านแพง ศรีสงคราม และโพนสวรรค์)
- จังหวัดขอนแก่น (อำเภอชุมแพ)
- จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และหนองบัวแดง)
- จังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอนางรอง)
1.3 ภาคตะวันออก
- บริเวณ จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอบ้านสร้าง)
- จังหวัดตราด (อำเภอบ่อไร่)
1.4 ภาคตะวันตก
- บริเวณ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอท่ามะกา ท่าม่วง บ่อพลอย และศรีสวัสดิ์)
- จังหวัดราชบุรี (อำเภอบ้านโป่ง)
- จังหวัดเพชรบุรี (อำเภอท่ายาง แก่งกระจาน และหนองหญ้าปล้อง)
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ กุยบุรี ทับสะแก บางสะพาน บางสะพานน้อย และหัวหิน)
1.5 ภาคใต้
- บริเวณ จังหวัดชุมพร (อำเภอปะทิว และละแม)
- จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี และกะเปอร์)
- จังหวัดนราธิวาส (อำเภอสุไหงปาดี)
2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก ที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก
บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง น่าน แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด นครราชสีมา ยโสธร อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี นครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต
และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ซึ่งอาจมีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ
2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และอิทธิพลของการขึ้น – ลง ของน้ำทะเล
3. เตรียมแผนรองรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ลอกท่อระบายน้ำ และบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
