ภูมิภาค
อำนาจเจริญลุยฉีดวัคซีนโควิดเชิงรุกกลุ่ม 608 ติดเชื้อยังพุ่ง 342 ราย
วันจันทร์ ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2565, 13.31 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเสนางคนิคม ร่วมกับ โรงพยาบาลเสนางคนิคม และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลในพื้นที่อำเภอเสนางคนิคม นำเจ้าหน้าที่ออกหน่วยให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ให้กับ ประชาชนในพื้นที่ตำบลหนองไฮ อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ โดยมีประชาชนในพื้นที่ทยอยมารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด – 19 อย่างคึกคัด ที่ โรงเรียนบ้านหนองไฮ ต.หนองไฮ อ.เสนางนิคม จ.อำนาจเจริญ
สำหรับการออกหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ในการครั้งนี้ เป็นการออกหน่วยร่วมในโครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน ที่จังหวัดอำนาจเจริญจัดขึ้น โดยมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนในพื้นที่ ออกมารับวัคซีนทั้งในส่วนของผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนเลยและในส่วนของผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เข็ม 4 โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 คือ กลุ่มคนที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนมากที่สุด นั่นคือ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และอีกกลุ่ม คือ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่มีอาการรุนแรงของโรคมากหากติดเชื้อโควิด – 19
นอกจากการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่แล้ว ประชาชนที่ต้องการรับวัคซีนโควิด – 19 สามารถไปติดต่อขอรับบริการได้ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอทุกอำเภอและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ หรือ หากมีผู้ป่วย ผู้พิการ ไม่สามารถเดินทางมารับบริการฉีดวัคซีนในสถานที่ดังกล่าวได้ ก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ไปให้บริการฉีดวัคซีนถึงบ้านได้เลย
ส่วนสถานการณ์โควิด – 19 จังหวัดอำนาจเจริญ ข้อมูลจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ รายงานว่า มีผู้ป่วย RT – PCR จำนวน 102 ราย ATK จำนวน 240 คน รวม 342 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม ระลอก มกราคม 2565 จำนวน 5,382 ราย กำลังรักษา จำนวน 984 ราย ที่โรงพยาบาล จำนวน 134 ราย Home Isolation จำนวน 850 ราย หายป่วยเพิ่ม 115 ราย หายป่วยสะสม ระลอกมกราคม 2565 จำนวน 4,806 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เสียชีวิต สะสมระลอกมกราคม 2565 จำนวน 42 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.72
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่