วันอาทิตย์ ที่ 09 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 13.51 น.
ยามนี้ อยู่ในช่วงเตรียมทำนาปลูกข้าว จึงพบเห็น ญาติโยม พุทธศาสนิกชน เข้าวัดฟังธรรมบางตา ซึ่ง วัดรังสิยาราม ต.ไก่คำ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ก็เช่นกัน เนื่องจากวัดแห่งนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกล เพราะห่างตัวเมืองอำนาจเจริญเพียง 5 กิโลเมตร ไปตามถนนชยางกูร(อำนาจเจริญ-อุบลราชธานี) โดยมีพระสงฆ์ 7 รูป ไม่มีสามเณรและแม่ชี สังกัดมหานิกาย บนเนื้อที่ 5 ไร่ ประกอบด้วย กุฏิพระสงฆ์ 7 หลัง ศาลาการเปรียญ อุโบสถ หออุปครุฑและสิมเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี แม้จะเป็นวัดขนาดเล็ก ที่ผ่านมา ก็มีพุทธศาสนิกชน เข้าไปทำบุญ สร้างกุศล ปฏิบัติธรรมและฟังธรรมเทศนาจากเจ้าอาวาสวัด ไม่ได้ขาด
ที่สำคัญวัดแห่งนี้ ญาติโยม พุทธศาสนิกชน ทุกคน ต่างปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 แบบชีวิตวิถีใหม่(NEW NORMAL) เช่น สวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า เว้นระยะห่างการนั่งทำบุญ ปฏิบัติธรรม และทางวัดมีจุดล้างมือ เจลแอลกอฮอล์ และวัดอุณหภูมิของผู้ที่เข้าวัดอีกด้วย
สำหรับสิมตั้งอยู่หน้าศาลาการเปรียญ อาคารเป็นลักษณะคล้ายดินเหนียวผสมปูน หลังคามุงด้ายหญ้าคา ด้านหน้าประตูทางเข้าบริเวณผนังจะพบเห็นภาพวาดสมัยโบราณ อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี เรื่อราวประวัติของพระพุทธเจ้าและการสอนคนทำความดี หากทำไม่ดี ก็จะตกนรกตามระดับชั้นต่างๆในฐานความผิด เพื่อต้องการสื่อให้รู้ถึงการทำความชั่วและให้เกรงกลัวต่อบาป
นอกจากนี้ภายในสิม ก็จะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชาวบ้านเรียกว่า พระเวียงจันทร์ ฝีมือ สกุลช่างเวียงจันทร์ ว่ากันว่า มีอายุกว่า 100 ปี เมื่อครั้งที่ชาวลาวเข้ามาค้าขายในภาคอีสานตอนล่าง เมื่อผ่านอำนาจเจริญ จึงได้สร้างพระพุทธรูปตามแรงศรัทธาขึ้น เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจและสักการบูชาด้วย ซึ่งมีเรื่องเล่าขานต่อๆกันมาหลายสิบปีว่า พระเวียงจันทร์ จะแสดงปาฏิหาริย์ ในช่วงวันเข้าพรรษาและวันพระ ในเวลากลางคืนช่วงใกล้รุ่งจะพบเห็นดวงไฟประกายแสง 7 สี ออกจากพระพุทธรูป ซึ่งผู้เฒ่า ผู้แก่ในหมู่บ้านที่นั่งปฏิบัติธรรมภายในศาลาการเปรียญมักจะพบเห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาตินี้บ่อยครั้ง ชาวบ้านไก่คำต่างก็ทราบดีและมีความเคารพศรัทธามาก ที่ผ่านมา จึงมีชาวบ้านที่เดือดร้อนเข้ามาขอพรเป็นประจำและก็สมหวังทุกราย
ส่วนด้านขวาสิมโบราณห่างกัน 3 เมตร ก็จะพบเห็น บ้านไม้สี่เหลี่ยมขนาดเล็ก มีเสา 4 ด้าน ยกสูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร ชาวอีกสาน เรียกว่า หออุปครุฑ ภายในก็จะบรรจุ จีวร บาตร กระติกน้ำ กาน้ำ ร่ม ฯลฯ ซึ่งหออุปครุฑนี้ มีไว้สำหรับทำพิธีในโอกาสที่ทางวัดจัดงานบุญประจำปี เช่น บุญเผวช บุญสงกรานต์ และอื่นๆ ก่อนงานบุญจะต้องมีการอับเชิญพระอุปคุต ถือว่า มีอุทธิฤทธิ์มาก ซึ่งเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า จึงมีการทำพิธีบริเวณป่าด้านทิศใต้ของวัด โดยอัญเชิญพระอุปคุฑมาสถิตที่หออุปครุฑ เพื่อปกป้องรักษาประชาชนที่มาเที่ยวงานหรือร่วมงานบุญ มีความปลอดภัย ไม่ให้เกิดเหตุหรือภัยที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดงานบุญได้
นอกจากนี้ วัดรังสิยารม ยังได้เปิดทำการสอนวิชา พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ซึ่งที่ผ่านมา มีพ่อแม่ผู้ปกครองส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง นับว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ทว่า ตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด 19 จึงต้องหยุดสอน เพราะป้องกันโควิด 19
และ ก่อนเดินทางกลับ ควรแวะกราบขอพรและฟังธรรมเทศนากับเจ้าอาวาสวัดรังสิยาราม เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นแนวทางในการทำงาน ดำเนินชีวิต อันนำไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จ
ซึ่งท่านเทศนาตอนหนึ่งว่า การทำคุณงาม ความดีทุกครั้ง เช่น การได้ช่วยเหลือคน การได้ทำประโยชน์ส่วนรวม ย่อมก่อให้เกิดความปิติดีใจ นั่นแหละ คือบุญให้รีบส่งบุญถึงผู้ที่เราต้องการให้บุญ ซึ่งบุญที่ทำไว้มีมากมายที่สะสมอยู่ในสรวงสวรรค์ ทั้งที่ทำในอดีตชาติหรือในชาตินี้ สามารถเบิกบุญนั้นมาแจกจ่าย อุทิศให้แก่ผู้ที่อยู่ในโลกวิญญาณได้ คนในศาสนาไหนก็ส่งบุญได้ ไม่ว่า คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิก ล้วนมีวิธีสร้างกุศลผลบุญสะสมคุณงามความดี ด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อเกิดบุญกุศลขึ้น สามารถส่งถึงผู้อยู่ในโลกทิพย์ได้ด้วยวิธีเดียวกัน ถึงเช่นกัน ก่อผลลัพท์แบบเดียวกัน พุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่นที่มีสุดยอดของการหลุดพ้น คือ นิพพาน
ผลของการส่งบุญ -ทำให้เทวดาที่ได้รับบุญแล้วมีอิทธิฤทธิ์ขึ้น สามารถช่วยเหลือผู้ส่งบุญให้ได้รับความสำเร็จ – ทำให้เจ้ากรรมนายเวรหยุดการจองเวรแล้วกลับมาเป็นมิตรที่ดี –ทำให้เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย ไปทางไหนมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น เป็นต้น
การจ่ายบุญนี้ ใช้กันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่สาบสูญไป เมื่อ 600 ปี ถ้าค้นคว้าในพระไตรปิฎกก็พบมากแห่ง ที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญและเทวดาผู้รับบุญ ฉะนั้น ญาติโยม ทั้งหลาย ควรหมั่นทำบุญ ทำทาน สร้างกุศลให้มากๆ ชีวิตจะได้มีแต่ความสุข ความเจริญนั่นเอง…
สนธยา ทิพย์อุตร/รายงาน