วันพุธ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 06.00 น.
Tag :
ช่วงนี้ ในพื้นที่ทำนาปลูกข้าวของจังหวัดอำนาจเจริญ รอการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าว บางคนกำลังเกี่ยวข้าว โดยการว่าจ้างรถเกี่ยวข้าว แทนแรงงานคนเป็นส่วนใหญ่ เพราะรวดเร็วทันใจ ขายโรงสีได้เงินเป็นกอบเป็นกำทันที หลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จจะว่างงาน จึงต้องเดินทางเข้าเมืองใหญ่ทำงานหาเงิน เพื่อเป็นทุนในการทำนาปลูกข้าวปีถัดไป
ทว่า มีบางคน อยู่บ้าน ไม่ชอบคำว่า ว่างงาน จึงมองหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ โดยการนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้าน ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษทำเป็นสินค้า หลากหลาย วางจำหน่ายสร้างรายได้ดีระดับหนึ่ง อย่างเช่น นายประเสริฐ บุญสุภาพ อายุ 51 ปีอยู่บ้านเหล่าเจริญ ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ผู้ยึดอาชีพทำนาปลูกข้าวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ กล่าวว่า จำความได้ เรียนรู้ การทำนาปลูกข้าว จนเข้าใจอย่างชำนาญ โดยทำนาเป็นเวลากว่า 20 ปี พอมีข้าวกิน โดยไม่ต้องพึ่งพาซื้อข้าวตลาดเลย เพราะมีข้าวกินตลอดปี
พอหมดฤดูทำนาปลูกข้าว คือว่างทำนา จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองอำนาจเจริญ ซึ่งสมัยนั้น ยังเป็นอำเภออำนาจเจริญ เพื่อรับจ้างทำงาน ทำทุกอย่างที่ว่าได้เงิน บางวันมีคนจ้าง บางวันไม่มีใครจ้าง วันที่ไม่มีงานทำก็ต้องเดินเท้าคอตกกลับบ้านไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ติดกระเป๋า วันที่โชคดี รถส่งสินค้าเข้าก็จะเรียกให้ไปแบกขนสินค้าส่งร้านค้าต่างๆในตัวเมืองอำนาจเจริญ ได้เงินครั้งละ200 บาท พอได้ซื้ออยากซื้อกิน ประทังชีวิตไปวันๆ แต่ยังดี ซึ่งมีข้าวกิน เพราะทำนาปี การไปทำงานก็จะใช้วิธีเดินเท้าจากบ้านเหล่าเจริญ ไปตัวเมืองอำนาจเจริญระยะทางไปกลับร่วม 20 กิโลเมตร ทุกวัน ถ้าถึงฤดูทำนา ก็จะหยุดไปรับจ้าง ตั้งหน้าตั้งตาทำนาอย่างเดียว เมื่อเสร็จนาจะไปรับจ้างทำงาน ในตัวเมืองอำนาจเจริญ เหมือนเดิม เป็นเช่นนี้ทุกปี
กระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างนั่งรองานทำในตัวเมืองอำนาจเจริญ เห็นคนตีเหล็กอยู่ในเพิง ไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก บริเวณที่ว่าง ด้านทิศใต้ของตลาดวิชิตสิน ตัวเมืองอำนาจเจริญ จึงเกิดความสนใจ และสมัครขอทำงาน ซึ่ง นายสิน ไม่ทราบนามสกุล หัวหน้างานตีเหล็ก ขาดคนงานพอดี จึงตอบรับทันที จากนั้น ได้ทำงานตีเหล็ก โดยมีครูสิน เป็นอาจารย์สอนถ่ายทอดวิชาความรู้ วิธี ขั้นตอนการตีเหล็กต่างๆ ทุกขั้นตอนอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งเรียนรู้การตีเหล็กกว่า 10 ปี ทำให้มีความชำนาญ สามารถตีเหล็กได้ด้วยตนเอง และนำไปประกอบอาชีพจนทุกวันนี้
ต่อมาในปี พ.ศ.2536 อำเภออำนาจเจริญ ยกฐานะเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ เจ้าของที่ดินขอที่ดินคืน ยกเลิกการเช่าที่ดินบริเวณเพิงตีเหล็ก ทำให้ครูสินและช่างตีเหล็ก 5 ชีวิต ตกงาน เพราะไม่มีที่ลงตีเหล็ก ระหกระเหินแยกย้ายกลับถิ่นฐานบ้านเกิดของแต่ละคน ส่วนครูสิน กลับบ้านเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ และไม่ได้พบเจอกันอีกเลย กว่า 30 ปี
นายประเสริฐ บุญสุภาพ ช่างตีเหล็กมืออาชีพ กล่าวอย่างเศร้าใจว่า ช่วงนั้น เป็นช่างตีเหล็กเร่ร่อนอยู่หลายปี โดยเดินสายรับจ้างตีเหล็กหลายจังหวัด เช่น อุบลราชธานี,ยโสธร, มุกดาหาร และอำนาจเจริญ ซึ่งเหนื่อยมาก และไม่มีเวลาให้ครอบครัว จึงขอกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาอำนาจเจริญ ได้เงินมาก้อนหนึ่ง นำเงินไปซื้อที่ดิน ติดถนนอำนาจเจริญ-ชานุมาน ทำเป็นเพิงอยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นที่อยู่ปัจจุบัน
นายประเสริฐ บุญสุภาพ คนตีเหล็กยุคใหม่ กล่าวต่อไปว่า หลังจากปลูกบ้าน ทำเพิงหน้าบ้านเสร็จ ขึ้นป้าย
คำว่า คนตีเหล็ก อยู่ริมถนน ให้ผู้คนที่สัญจรไป-มาได้เห็นเด่นชัด ซึ่งได้ผลดีมาก เพราะมีลูกค้าเห็นป้ายรับจ้างตีเหล็ก ก็นำเหล็กมาให้แปรรูป เช่น จอบ เสียม มีด พร้า ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง
ส่วนวิธีการตีเหล็ก นายประเสริฐกล่าวว่า สมัยที่เรียนตีเหล็กกับครูสิน ในตัวเมืองอำนาจเจริญ เวลาเผาเหล็กแหนบจนแดง ก็จะใช้แรงงานคน โดยการใช้ค้อนปอนทุบตีเหล็กชิ้นงาน ทุบตีเหล็กแดงกลายเป็นรูปร่างตามต้องการ จากนั้นจะใช้ตะไบตบแต่งมีด เสียม หรือ จอบ ให้สวยงาม ใช้เวลาอย่างต่ำ 2 วัน/1 ชิ้น จึงจะแล้วเสร็จทว่า ทุกวันนี้ เบาแรงกว่าเก่ามาก เพราะ หลังจากใช้ไฟเผาเหล็กชิ้นงานจนแดงแล้ว ก็จะใช้เครื่องกระแทกทุบตีจนขึ้นรูปได้งานตามต้องการ จากนั้น จะใช้หินเจียระไน ตกแต่ง ให้สวยงาม ใช้เวลา 1 วัน จนเสร็จ จำหน่ายราคาเริ่มต้นที่ 70 บาทขึ้นไป สร้างรายได้เป็นอย่างดี
นายประเสริฐ บุญสุภาพ ช่างตีเหล็กในตำนาน กล่าวทิ้งท้ายว่า การทำงานตีเหล็ก จะต้องมีใจรัก อดทน ใจเย็น เพราะต้องทำงานกับเปลวไฟเผาเหล็ก ทำให้ร้อน ประกอบกับต้องสวมใส่เสื้อผ้า กางเกง หมวก แว่นตา รองเท้า อย่างรัดกุม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ยิ่งร้อนเพิ่มเป็น 2 เท่า และที่นี่ ทำกัน 2 คนกับหลาน ซึ่งมาเรียนรู้วิธีการตีเหล็ก เกือบ 1 ปีแล้ว เรียกว่า หลานเป็นลูกศิษย์คนแรก ที่มาเรียกรู้ การตีเหล็กอย่างถูกวิธี เพื่อเป็นอาชีพ…