รมว.ยธ. ยันเป็น จนท.ดีเอสไอจริง ปลัด มท. แจงยังไม่เห็นหนังสือผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ
“อรรษิษฐ์” ปลัดมหาดไทย แจง ยังไม่เห็นหนังสือผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ พบกลุ่มบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บังคับอดีตผู้สมัคร สว. ให้ยอมรับฮั้วเลือก สว. ด้าน “พ.ต.อ.ทวี” ยัน เป็นคนของดีเอสไอจริง ลั่น หากโยงถึงใคร ไม่มีละเว้น
วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีผู้ว่าราชการอำนาจเจริญ ทำหนังสือลับแจ้งปลัดกระทรวงมหาดไทย พบกลุ่มบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บังคับอดีตผู้สมัคร สว. 2 ราย ให้ยอมรับฮั้วเลือก สว. ว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือ เดี๋ยวเขาคงเสนอขึ้นมาก็เป็นรายงานจาก จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเห็นว่าคนที่ได้รับการบุกรุกและข่มขู่เขาก็ไปแจ้งความตามกฎหมาย ก็เป็นไปตามข้อกฎหมายอยู่แล้ว เพราะว่าการที่เราจะไปบ้านเคหะสถานของคน ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่แล้วอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ก็ผิดแล้วถือว่าแอบอ้าง ซึ่งก็ผิดตามกฎหมาย แต่ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีหมายค้นหรือหมายเรียกอะไรก็แล้วแต่ ก็อาจต้องกำชับให้ทุกที่ว่ามีการแอบอ้างไม่ได้ แต่ถ้าเป็นไปตามข้อกฎหมายเจ้าหน้าที่มาตามระเบียบขั้นตอนถูกต้องก็ต้องให้ความร่วมมือ
เมื่อถามว่ามีรายงานพื้นที่อื่นที่เกิดลักษณะเช่น จ.อำนาจเจริญ หรือไม่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ยังไม่มี จ.อำนาจเจริญ แจ้งเข้ามาเป็นแห่งแรก ซึ่งก็เห็นตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าว ส่วนคำถามว่าก่อนที่หนังสือจะถึงเป็นทางการ ได้มีการสั่งการอะไรเบื้องต้นหรือไม่ นายอรรษิษฐ์ ตอบว่ายัง เดี๋ยวรอดูหนังสือที่ทางกองการจะเสนอมา
ทางด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจากดีเอสไอแล้ว พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบที่ จ.อำนาจเจริญ และพยานบุคคลกว่า 10 ปาก ซึ่งพยานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องหนังสือของผู้ว่าฯ อำนาจเจริญนั้นกำลังตรวจสอบ เนื่องจากโดยหลักการสอบสวนคดีพิเศษ เรามีกฎหมายมาตรา 22 ถ้าเป็นคดีพิเศษ ผู้ว่าฯ มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน หากมีการประสานงานไปต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือจะมีโทษที่เกี่ยวข้องจำคุก 1-10 ปี ซึ่งได้ให้อธิบดีดีเอสไอใช้กฎหมายและข้อบังคับ เพราะที่ จ.อำนาจเจริญ มีพยานกว่า 300 ปาก แต่ไม่จำเป็นต้องสอบทั้งหมด เนื่องจากได้หลักฐานที่เป็นพยานวัตถุ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ สามารถย้อนกลับไปดูในที่เกิดเหตุได้ รวมถึงร่องรอยทางโทรศัพท์
พ.ต.อ.ทวี ระบุอีกว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอุปสรรคในการสืบสวนสอบสวน แต่ถ้ามีอุปสรรคก็ขอให้อธิบดีดีเอสไอ ใช้กฎหมายและข้อบังคับ ที่ออกในปี 2547 ดำเนินคดีได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อถามต่อไปว่าเจ้าหน้าที่ 3 คนที่ลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ และถูกร้องเรียน เป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจริงหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ยอมรับว่าเป็นพนักงานสอบสวนของดีเอสไอจริงและได้รับความร่วมมือดี
ผู้สื่อข่าวถามต่อเหตุใดผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ ถึงได้แจ้งว่ามีการข่มขู่พยาน พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า ยังไม่เคยแจ้งมาที่ตน หากผู้ว่าฯ พบการข่มขู่ขอให้รายงานมาที่ตน อีกทั้งพนักงานสอบสวนของดีเอสไอลงพื้นที่อำนาจเจริญตามคำเรียกร้องของพยานว่าถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงอยากให้ดีเอสไอไปสอบปากคำ เพราะไม่มีเงินที่จะเดินทางมาที่ กทม.
เมื่อถามถึงขั้นตอนคดีการฮั้วเลือก สว. จะเสร็จแล้วหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า อยู่ในกระบวนการของพนักงานสอบสวน ตนไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ไม่มีปัญหาและอุปสรรค ส่วนที่คดีนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) พ.ต.อ.ทวี มองว่าไม่มีเรื่องการเมือง ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน เพราะเรื่องเป็นคดีพิเศษก็ว่ากันไป ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย ข้อบังคับ และพยานหลักฐานไม่ได้ เช่นเดียวกันบุคคลจะมีอิทธิพลเหนือกฎหมายไม่ได้
ขณะที่ประเด็นดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา 138 สว. และอีก 2 สว.สำรองนั้น พ.ต.อ.ทวี บอกว่า ต้องไปถามอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งขณะนี้ก็ทำงานหนัก และให้คำนึงว่าเรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจ ขอให้ทุกขั้นตอนมีพยานค้ำยันทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงเส้นทางการเงิน และการใช้โทรศัพท์ติดต่อ ประกอบกับหลักและเหตุผล
เมื่อถามต่อไปว่าจะมีโอกาสแจ้งข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้หรือไม่หลังครบ 2 เดือนแล้ว พ.ต.อ.ทวี ให้คำตอบว่า มีรายงานว่ามาจะเร่งรัดตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม ก็รอดูอยู่ ทั้งนี้ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องการสอบพยานมากนัก เพราะกลัวมีข้อครหาว่าการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยว ส่วนการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ข้อมูลนั้น ก็ให้รอหมายเรียก ยังไม่แน่ชัดว่าจะทยอยออกหรือออกครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม การสอบสวนจะเชื่อมโยงไปยังนักการเมืองหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หากถึงใครก็ดำเนินการหมด ไม่มีละเว้นใคร เมื่อถามทิ้งท้ายว่าก่อนหน้านี้มีชื่อรัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้อง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พ.ต.อ.ทวี เผยว่า เรื่องนี้ไม่เคยออกจากปากตน.
