พท.แนะ “สุพัฒนพงษ์” รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ เลิกขายฝัน เศรษฐกิจปีหน้าโต 6% แซะผักชีแพงเพราะเอามาโรยหน้ากันมาก แต่ไร้ผลงาน อัดเลิกอยู่รักษาอำนาจ
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส. อุบลราชธานี คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวได้ถึง 6% น่าจะเป็นการคาดหมายเกินจริง เหมือนจะขายฝันมากกว่า หากจำกันได้นายสุพัฒนพงษ์เคยบอกว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 4% แต่ความจริงอาจขยายตัวได้ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ
จึงไม่อยากให้นายสุพัฒนพงษ์พูดเหมือนประชาชนไม่มีความรู้ เพราะประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักมาตลอดจนไม่มีใครเชื่อถือแล้ว นอกจากนี้ธนาคารโลกยังคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 65 อย่างเก่งขยายได้แค่ 3.6 % เท่านั้น ยังไม่เท่ากับเศรษฐกิจไทยที่ตกหนักในปี 63 ถึง -6.1% จึงไม่อยากให้นายสุพัฒนพงษ์ขายฝันเกินจริง เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยทำได้ตามที่พูดไว้เลย
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า นายสุพัฒนพงษ์ น่าจะทราบดีว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้า จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้น ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยต้องขาดดุลมากขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจากราคาน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้น การที่รัฐบาลไม่ยอมลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาทตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอ
อาจเพราะรัฐบาลขาดดุลงบประมาณอย่างมากจากการแจกสะเปะสะปะ ทั้งนี้ การลดราคาน้ำมันมีผลประโยชน์ดีต่อเศรษฐกิจมากกว่า เพราะจะลดต้นทุนการผลิต ค่าขนส่ง ค่าเดินทางและค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ คงจะคิดไม่ออก ขนาดที่ช่วงราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีปัญญาทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มตามศักยภาพได้
“สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ คิดออกมีแต่เรื่องให้ทหารปลูกผักชีแก้ปัญหาผักชีราคาแพง ทั้งที่พอผลิตออกมามาก ปริมาณก็จะล้น ราคาก็จะต่ำลงอีกมาก เกษตรกรผู้ปลูกผักชีจะเดือดร้อนกันอีก เป็นผลมาจากผู้นำที่ไร้ความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจ คิดได้แค่เรื่องเฉพาะตัวหรือแค่เรื่องผักชีโรยหน้าเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เสนอให้ปลูกหมามุ่ยแทนข้าว น้ำท่วมให้เลี้ยงปลา ขายยางพาราไปดาวอังคาร วิสัยทัศน์พัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนไม่มีเลย ขณะที่ราคาข้าวตกต่ำอย่างมาก โรงสีไม่ยอมรับซื้อข้าวเปลือกเพราะขาดสภาพคล่อง แต่รัฐบาลกลับไม่สนใจ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ หากรู้ตัวก็ไม่ควรจะอยู่เพียงเพื่อรักษาอำนาจ ทั้งที่ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความสุขได้อีกต่อไปแล้ว” นายเอกชัย กล่าว