ภูมิภาค
ถึงบุรีรัมย์แล้วรถไฟรับผู้ป่วยโควิด เตรียมเตียงไว้มากกว่า2,500เตียง
วันอังคาร ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 20.21 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
รถไฟรับผู้ป่วยโควิด-19 จากพื้นที่สีแดง สายอีสาน เที่ยวแรกเดินทางมาถึงบุรีรัมย์แล้ว 1 ราย สาธารณสุขมั่นใจควบคุมสถานการณ์ไม่ให้แพร่เชื้อได้ เพราะมีการวางแผนมาแล้ว พร้อมระบุเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้แล้วมากกว่า 2,500 เตียง
วันที่ 27 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น.ที่สถานีรถไฟจังหวัดบุรีรัมย์ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายแพทย์ยุทธนา สุริยะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่ จากหลายหน่วยงาน มาร่วมดำเนินการจัดการ รับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เดินทางมาจากพื้นที่กลุ่มเสี่ยงเพื่อต้องการมารักษาตัวที่จังหวัดของตัวเอง ด้วยรถไฟขบวนรถไฟพิเศษ 971 รังสิต-อุบล
โดยภายในรถไฟรับผู้ป่วยขบวนแรกนี้ มีผู้ป่วยเดินทางมาทั้งหมด 137 คน (มีอาการระดับเขียว-เหลือง)ซึ่งผู้ป่วยทั้งหมดจะลงที่จังหวัดนครราชสีมา ,บุรีรัมย์,สุรินทร์, ศรีสะเกษ,อุบลราชธานี ,อำนาจเจริญ และจังหวัดยโสธร รวม 7 จังหวัด
ส่วนของจังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วยเพศหญิงเดินทางมารักษาในพื้นที่จำนวน 1 ราย เป็นชาว อ.กระสัง โดยมีการวางแผนอย่างเข้มข้นทั้งขารถไฟเข้าและออก มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคตลอดเส้นทางที่ผู้ป่วยเดินสัมผัส
นายแพทย์ยุทธนา สุริยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีโครงการ”อุ้มลูกหลานเซาะกราวกลับบ้าน”โดยได้เตรียมรถตู้จำนวน 60 คัน ไว้คอยไปรับชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดโดยเฉพาะพื้นที่สีแดง แล้วติดเชื้อแต่ไม่มีโรงพยาบาลรักษา กลับมารักษาที่บ้านเกิดของตัวเอง
ที่ผ่านมารับผู้ป่วยมาแล้วกว่า 2,000 คน ต่อมากระทรวงคมนาคม ได้มีนโยบายใช้รถไฟขนส่งผู้ป่วยมาส่งเนื่องจากรับผู้ป่วยได้คราวละมากกว่า จึงปรับแผนเอารถตู้ทั้ง 60 คัน มาคอยรับผู้ป่วยที่ลงจากรถไฟเอาไปส่งถึงสถานที่รักษาปลายทาง
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีโรงแรมหลายแห่ง รับเป็นโรงพยาบาลสนามแล้วจำนวน 1,500 เตียง และกำลังจะเตรียมโรงพยาบาลสนามเพิ่มอีกกว่า 1,000 เตียง รวมแล้วกว่า 2,500 เตียงไว้รองรับผู้ป่วยชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่จะเดินทางกลับมารักษาตัวที่บ้าน แต่หากไม่เพียงพอ จังหวัดบุรีรัมย์ ก็พร้อมที่จะเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่ม เพื่อลดความแออักผู้ป่วยในพื้นที่สีแดง
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
