ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนเดือนพฤษภาคม 2564 มีมูลค่าสูงถึง 150,858 ล้านบาท เติบโต 38.38% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แยกเป็นการค้าชายแดนมีมูลค่า 75,659 ล้านบาท เติบโต 4.13% การค้าผ่านแดนมีมูลค่า 75,199 ล้านบาท เติบโต 7.45% สำหรับ 5 เดือนแรก 2564 การค้าชายแดนกับการค้าผ่านแดนมีมูลค่ารวม 677,078 ล้านบาท เติบโต 29.15% แยกเป็นการค้าชายแดน 371,040 ล้านบาท เติบโต 19.85% การค้าผ่านแดนมูลค่ารวม 306,038 ล้านบาท เติบโต 42.57 % เมื่อแยกรายประเทศ ในส่วนการค้าชายแดน กับมาเลเซียมีมูลค่า 134,474 ล้านบาท เติบโต 53 % ลาว 87,369 ล้านบาท เติบโต 13.30% เมียนมา 78,833 ล้านบาท เติบโต 6.9% กัมพูชา 70,364 ล้านบาท ลบ 0.68% สำหรับการค้าผ่านแดนไปจีนมีมูลค่า 140,406 ล้านบาท เติบโต 54.85% สิงคโปร์ 46,478 ล้านบาท เติบโต 28.74% เวียดนาม 28,586 ล้านบาท เติบโต 15.73 %
นายจุรินทร์กล่าวว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญจากเศรษฐกิจเพื่อนบ้านและทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน จะทำให้การเปิดเมืองและการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีได้มากขึ้น และจากการที่กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายกรมการค้าต่างประเทศเร่งผลักดันยอดการค้าชายแดน ซึ่งเป็น 1 ใน 14 แผนงานหลักของกระทรวงปี 2564 ให้เน้นการทำงานเชิงรุก ล่าสุดเพื่อเป็นการตอบรับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกเหตุผลสำคัญคือผลจากการจับมือทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนในรูป กรอ.พาณิชย์ เร่งรัดเปิดด่าน 46 ด่าน จาก 97 ด่านที่ปิดชั่วคราวจากการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมกับเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาเชิงรุกช่วงระยะเวลาเพื่อให้สินค้าที่จะข้ามแดนแต่ละประเทศสามารถผ่านไปได้โดยสะดวกรวดเร็วขึ้น แม้มีปัญหาอุปสรรคหลายประการก็สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
นายจุรินทร์กล่าวว่า เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านเริ่มฟื้นตัว เพื่อส่งเสริมการค้าหรือเร่งรัดตัวเลขการส่งออกผ่านการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน 1.จะเร่งเปิดด่าน ขณะนี้มีเป้าหมาย 11 ด่าน ให้เปิดได้เร็วที่สุดภายใต้ข้อจำกัดโควิด เพื่อให้การค้าเดินหน้าต่อไปได้ โดยที่เป็นรูปธรรมที่สุด 1 กรกฎาคมนี้เวลา 09.00 น. ตนได้เรียนเชิญท่านทูตลาวประจำประเทศไทยเข้ามาหารือที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาทางร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทย-ลาวและการค้าผ่านแดนระหว่างไทย-ลาวต่อไป นอกจากนั้นตนจะเดินทางไปภาคอีสานในช่วงวันที่ 9-11 กรกฎาคม ที่จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ เป็นต้น โดยที่อุบลราชธานีจะไปเร่งรัดการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เร่งรัดการเปิดด่านปากแซง นาตาล และแก้ไขปัญหาอาจเกิดขึ้นที่ด่านช่องเม็ก รวมถึงเร่งจับมือกับภาคเอกชนในนาม กรอ.พาณิชย์ขจัดปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นเชิงรุกโดยเร็ว กำหนดกิจกรรมช่วยเหลือผู้ส่งออกรายย่อยโดยเฉพาะผู้ส่งออกที่เป็นเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอีเอส ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือแหล่งเงินกู้ที่จำเป็นต่อสถานการณ์ปัจจุบันโดยจะจัดโครงการ “จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับเอสเอ็มอีส่งออก” ในวันที่ 7 กรกฎาคม
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่