โดยคดีแรกเป็นการจับกุมตัว นายวีรศักดิ์ ทองปิก พร้อมยาบ้า 5.32 ล้านเม็ด, รถยนต์และโทรศัพท์มือถือ ขณะขับรถอยู่ในพื้นที่จังหวัดเลย นำยาบ้าดังกล่าวมาส่งให้ลูกค้าในย่านชานเมือง และในกรุงเทพมหานคร โดยผู้ต้องหารายนี้ อยู่ในกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “นักบินเพชรบูรณ์” ซึ่งเป็นศัพท์ในวงการนักขนลำเลียงยาเสพติด และพบว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มนักบินโคกคอน FC” โดยผู้ต้องหารายนี้ ขณะถูกจับกุมพบว่ายังสวมใส่กำไลอีเอ็มติดขาอยู่ เนื่องจากถูกคุมประพฤติจากคดีเมาแล้วขับ และเป็นการออกนอกพื้นที่คุมประพฤติ จากการสอบสวน ผู้ต้องหาอ้างว่ารับจ้างขนลำเลียงยาเสพติดเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้จากการสืบสวน พบว่ายาบ้าล็อตนี้ จะนำมาส่งในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร โดยส่วนหนึ่งจะลำเลียงต่อลงไปพื้นที่ภาคใต้ เพื่อขนออกนอกประเทศ สำหรับหัวหน้ากลุ่มนักบินกลุ่มนี้ พบว่าขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลไปยังนายทุนที่อยู่เบื้องหลังการขนลำเลียงยาบ้าล็อตนี้
และยังมีการจับกุมผู้ต้องหาขบวนการขนลำเลียงยาเสพติด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีก 2 คดี โดยจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ในพื้นที่จังหวัดเลย ขณะกำลังนำยาบ้า 84,000 เม็ด ไปส่งมอบให้ลูกค้า แต่ตำรวจดักซุ่มจับกุมได้ก่อน และจับกุมผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่จังหวัดอุดรธานี ที่กำลังจะไปรับยาบ้าจำนวน 100,000 เม็ด ที่มีผู้นำมาใส่ไว้ในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ริมถนน โดยขณะเข้าจับกุมผู้ต้องหาพยายามต่อสู้ และหลบหนี ซึ่งทั้ง 2 คดี ผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีชาว สปป.ลาว ร่วมในขบวนการด้วย
อีกคดีเป็นการจับกุมผู้ต้องหา 8 คน พร้อมกัญชาแห้ง 1,003 กิโลกรัม, ยาบ้า, ไอซ์ และเคตามีนทั้งชนิดน้ำ และชนิดผงอีกจำนวนหนึ่ง, อาวุธปืน 3 กระบอก, รถยนต์ 5 คัน และรถจักรยานยนต์รวมทั้งยึดทรัพย์สินจากผู้ต้องหาทั้งหมดอีกประมาณ 4.5 ล้านบาท
ก่อนหน้าจะจับกุมผู้ต้องหากลุ่มนี้ ตำรวจสืบทราบว่าจะมีการขนลำเลียงกัญชาจำนวนมาก มาเก็บพักไว้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อรอขนส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำการสืบสวน และนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง บนถนนพุทธมณฑลสาย 2 เขตบางแค กรุงเทพมหานคร และพบกัญชาจำนวนดังกล่าว ซุกซ่อนอยู่ในบ้าน และได้ควบคุมผู้ต้องหาบางส่วนที่อยู่ในบ้านไว้ และขยายผลไปจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้เพิ่มเติมอีก
นอกจากนี้ ยังมีการติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีก 2 คน จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งผู้ต้องหาได้ขับรถไปรับไอซ์ 370 กิโลกรัม, ยาบ้า 400,000 เม็ด และเคตามีน 250 กิโลกรัม จากริมแม่น้ำโขงด้านจังหวัดหนองคาย โดยขณะกำลังขนลำเลียงยาเสพติดดังกล่าว อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มุ่งหน้าลงมากรุงเทพมหานคร ตำรวจได้เข้าสกัดจับกุม แต่ผู้ต้องหาขับรถเข้าไปในป่าอ้อย ก่อนจะทิ้งรถแล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ที่ได้จากรถที่ใช้ลำเลียงยาเสพติด รวมถึงการตรวจสอบตามเส้นทางตามจุดต่างๆ เพื่อพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำผิด จนทราบตัวผู้ต้องหา ก่อนจะขอหมายศาลและตามไปจับกุมตัวได้ที่จังหวัดอำนาจเจริญ