22 มี.ค. 2565 | 11:18:47
จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 6 มี.ค. 65 พบผู้ป่วย 339 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่ผู้ป่วยสูงสุดคือ อายุ 55-64 ปี รองลงมาคือ อายุ 45-54 ปี และอายุมากกว่า 65 ปี ตามลำดับ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด ได้แก่ มุกดาหาร อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี”
“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) ได้ เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมและพฤติกรรมสุขภาพ ซึ่งประชาชนสามารถติดเชื้อผ่านทางผิวหนังหรือการสัมผัสดินและน้ำที่มีเชื้อเป็นเวลานาน รวมถึงการกินและการหายใจเอาเชื้อแบคทีเรียเข้าไปในร่างกาย โรคเมลิออยโดสิสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei ซึ่งมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม สามารถเจริญเติบโตได้ในภาวะเป็นกรด (pH 4.5-8) และอุณหภูมิระหว่าง 15-42 องศาเซลเซียส เมื่อได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ระยะฟักตัวประมาณ 1-21 วัน หรือบางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคน อาการมีความหลากหลาย เช่น หากติดเชื้อทางผิวหนังจะมีอาการเจ็บ บวม มีแผลเปื่อยสีขาวเทาและอาจเป็นหนอง หากติดเชื้อที่ปอดอาจเกิดจากการสูดดม อาจทำให้ปอดอักเสบและทำให้มีฝีหนองในปอดได้ โดยอาการที่ปรากฏให้เห็นมีตั้งแต่หลอดลมอักเสบชนิดไม่รุนแรง ไปจนถึงอาการของโรคปอดบวมชนิดรุนแรงร่วมกับมีไข้และไอ
กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) ดังนี้ 1.ผู้ที่มีบาดแผล ให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นให้สวมรองเท้าบูท ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำและเมื่อเสร็จภารกิจให้รีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและสบู่ 2.หากมีบาดแผลบริเวณผิวหนังควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อและหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท 3.รับประทานอาหารปรุงสุก น้ำต้มสุก เป็นต้น
Share this: