“ศรีสะเกษ” ต้นแบบ “งดเหล้า” โมเดลสู่การปรับใช้ในพื้นที่ทั่วประเทศ
เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำคณะผู้ประสานงานเครือข่าย สคล.จากทั่วประเทศ และ ผู้แทนจาก สสส. นำโดย นายศรีสุวรรณ ควรขจร กรรมการฯ พร้อมคณะจำนวนกว่า 20 คน ลงพื้นที่ ต.เสียว อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ติดตามและเสริมพลังการขับเคลื่อนการลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ จ.ศรีสะเกษ ผ่านงานบุญประเพณีปลอดเหล้าและกระบวนการช่วยผู้ติดสุราโดยพลังชุมชน ตั้งเป้าเครือข่าย สคล. นำข้อมูลและแนวทางการทำงานที่ประสบผลสำเร็จ กลับไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตน โดยเฉพาะแนวทางการขับเคลื่อนที่เริ่มตั้งแต่ระดับล่างหรือในระดับชุมชนหมู่บ้าน กระทั่งสามารถผลักดันจนเป็นนโยบายงานบุญประเพณีปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับจังหวัดได้
นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการ สคล. เปิดเผยว่า การดำเนินกิจกรรมครั้งนี้เพื่อให้เครือข่าย สคล.ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานอย่างเข้มข้นของ ต.เสียว ที่ใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่นตั้งแต่บรรพบุรุษประสานพลังสามัคคีของคนในท้องถิ่น ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในการรณรงค์ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากจุดเล็กๆ ในชุมชนที่ประกาศเจตนารมย์ให้งานบุญของหมู่บ้านเป็นงานปลอดเหล้า สร้างความเข้มแข็งจนถึงระดับตำบลสู่อำเภอ กระทั่งสามารถผลักดันไปสู่ระดับจังหวัด โดยประกาศเป็นนโยบายให้งานเทศกาลทุกระดับใน จ.ศรีสะเกษ เป็นงานปลอดเหล้าเมื่อปี 2553 และดำเนินการเป็นรูปธรรมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน การขับเคลื่อนงานของชุมชน ต.เสียว รวมไปถึงชาว อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ แสดงให้เห็นถึงการนำต้นทุนทางวัฒนธรรมซึ่งเป็น Soft power มาเป็นกลไกสำคัญในการต่อสู้กับเหล้า ซึ่งเครือข่าย สคล.จะได้เรียนรู้ถึงแนวทางการทำงาน ตั้งแต่ระดับล่าง คือ ชุมชนหมู่บ้าน สู่ระดับบนหรือจังหวัด เกิดการเชื่อมต่อกันได้อย่างไร เพื่อนำไปปรับใช้กับบริบทในพื้นที่ของตนเอง สคล.หวังให้โมเดลของ ต.เสียว เกิดการขยายผลไปสู่ในพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะใน 15 จังหวัด ที่มีต้นทุนคล้ายกับ จ.ศรีสะเกษ อาทิ มหาสารคาม อำนาจเจริญ ลำพูน ตาก ฯลฯ
ผู้จัดการ สคล. กล่าวว่า จากขบวนการเรียนรู้พบว่า กลยุทธ์การทำงานสำคัญของ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ คือ การดึงหน่วยภาครัฐเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการควบคุมแอลกอฮอล์โดยตำแหน่ง ทั้งในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ โดยในระดับอำเภอจะมีนายอำเภอเป็นประธานและฝ่ายสาธารณสุขเป็นเลขานุการร่วมกับภาคประชาสังคม มีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ดังนั้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายในระบบราชการ คณะทำงานก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ จึงเกิดการสนับสนุนการทำงานจากหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่องไปโดยปริยาย ทำให้เกิดภาพการทำงานที่เข้มแข็งที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
“สำหรับแนวทางการทำงานของ สคล. นับจากนี้ จะปรับแนวทางการทำงานไปในเชิงพื้นที่มากขึ้น จากเดิมที่มุ่งผลักดันในระดับนโยบายอย่างเดียวเพื่อให้เกิดข้อบังคับใช้กฎหมายลงมาสู่ระดับล่าง เราอาจไม่รู้ปัญหาที่แท้จริงของชุมชน ปัจจุบันแนวโน้มกระแสสังคมเปลี่ยนไปสื่อเข้าถึงผู้คนได้ง่าย เครือข่าย สคล.ในพื้นที่จะทำให้เรามองเห็นภาพและบริบทที่เปลี่ยนไป ทำให้เรารู้ความต้องการของชุมชนและสามารถปรับการทำงานได้ตรงจุดมากขึ้น แต่ละพื้นที่ก็ต่างบริบทกันการทำงานก็ต้องปรับให้เข้ากับบริบทของแต่ละพื้นที่ด้วยเช่นกัน โดยเราจะมุ่งเน้นที่ ชุมชน เยาวชน รวมไปถึงการเฝ้าระวังการบังคับใช้กฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” นายธีระ กล่าว
ด้าน นายสุวรรณ เนตรเนติกุล นายอำเภอโพธิ์ศรีวรรณ กล่าวว่า ความเข้มแข็งของชุมชนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โพธิ์ศรีสุวรรณสามารถสร้างคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ให้ดีขึ้นได้ การขับเคลื่อนโดยเครือข่ายงดเหล้าใช้กลไกของ บ้าน วัด โรงเรียน (บวร.) ร่วมกับ หน่วยงานข้าราชการ พื้นที่การดำเนินกิจกรรมจะเริ่มต้นในหน่วยเล็กที่สุด คือ หมู่บ้าน
“หากเราสร้างความเข้มแข็งอย่างเป็นรูปธรรมให้กับหมู่บ้านได้โดยกลไก บวร.+ข้าราชการ ก็จะสามารถขับเคลื่อนงานในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปได้ ในส่วนของการขับเคลื่อนงานบุญประเพณีปลอดเหล้า อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จะมีการนำคืนข้อมูลในทุกวันที่ 14 ธันวาคมของทุกปี เพื่อนำมาวิเคราะห์ แก้ปัญหา หาข้อสรุปแนวทางการทำงานร่วมกันในปีต่อไป โดยระยะเวลา 14 ปี ของการดำเนินงาน พบว่าข้อมูลการประหยัดค่าใช้จ่ายจากงานบุญปลอดเหล้าได้ทั้งหมด 143,382,000 บาท ถือเป็นความยั่งยืนที่สามารถทำให้เกิดผลทางเศรษฐกิจที่ดีของอำเภอได้ และทำให้สถานการณ์ผลกระทบ ความรุนแรงต่างๆ ลดลง สำหรับเป้าหมายของการขับเคลื่อนงานของอำเภอ ยังคงให้ความสำคัญในหลัก 3 ดี คือ 1.คนดีมีคุณธรรม 2.สุขภาพดี และ 3.เศรษฐกิจดีอย่างยั่งยืน
ดร.สุคนธ์ทิพย์ บัวแดง พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการกลุ่มงานสาธารณสุขมวลฐานและระบบสุขภาพปฐมภูมิ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ศรีสะเกษ กล่าวว่า แนวทางการทำงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใช้กลยุทธ์ในการดึงเครือข่ายจากทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมทำงาน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ในทุกปี โดยเลือกที่จะเข้าไปรับฟังชุมชนก่อนว่ามีประเด็นอะไรที่จะให้ทางเราช่วย เราจะเห็นการทำงานจากล่างขึ้นข้างบน ที่ผ่านมา ได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ 22 อำเภอ เพื่อขับเคลื่อนในประเด็นลดการดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีการลงพื้นที่ประชาคมชาวบ้าน สร้างความเชื่อมโยงระหว่างโรงพยาบาลส่งเสริมตำบล (รพ.สต.) กับ โรงพยาบาล (รพ.) จึงเป็นที่มาของการจัดทำข้อมูลภาพรวมทั้งจังหวัด ซึ่งไม่ใช่แค่ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ สถิติ แต่จะพัฒนาเชื่อมต่อไปสู่เรื่องการบำบัดด้วย
นายวันอาฟันดี เจ๊ะสาเหาะ ตัวแทนเครือข่ายงดเหล้าภาคใต้ตอนล่าง กล่าวว่า ต้นทุนทางวัฒนธรรมของต.เสียว อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ โดยเฉพาะขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษสู่รุ่นลูกหลาน จนนำไปสู่การรวมใจเป็นหนึ่งอันเดียวกันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นพลังที่เข้มแข็งในการแก้ปัญหาในทุกมิติของคน ต.เสียว ทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพและอื่นๆ อีกสิ่งสำคัญที่พบคือ การร่วมมือของทุกภาคส่วนประสานการทำงานทุกทิศ ทั้งหน่วยงานราชการ ท้องถิ่นชุมชน ต.เสียว จึงเป็นพื้นที่ต้นแบบที่ชี้ให้เห็นว่าพลังสามัคคีของชุมชนและภาคประชาสังคมเป็นต้นทุนและกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนในเรื่องต่างๆ ได้ มองเห็นเป็นโอกาสที่จะนำไปปรับใช้ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยการนำเรื่องของจิตวิญญาณบวกกับศาสนามาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนต่อไป
ท้ายสุดของกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวันนั้น โมเดลความสำเร็จของการลดการดื่มแอลกอฮอล์ ของคนต.เสียว อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ก่อเกิดเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ในทุกมิติและหลายระดับ การรณรงค์ในพื้นที่เล็กๆ โดยใช้ต้นทุนทางขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ก่อให้เกิดพลังความสามัคคีของการทำงานของภาคประสังคมร่วมกับทางหน่วยงานภาครัฐ เริ่มจากข้อตกลงร่วมกันในชุมชน ขยับเป็นธรรมนูญตำบล เกิดเป็นพลังระดับอำเภอ และระดับจังหวัด ทั้งนี้ ต้นทุนเหล่านี้ยัง ผลักดันให้เกิดเป็นนโยบายขับเคลื่อน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นนโยบายระดับชาติ เพื่อใช้ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานฝ่ายปกครองอย่างต่อเนื่อง
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่