เป็นที่สนใจแฟนกีฬาตะกร้ออย่างมากทีเดียวเมื่อ “กมล ตันกิมหงส์” หัวหน้าผู้ฝึกสอนตะกร้อชายทีมชาติไทย ประกาศรายชื่อนักกีฬาเข้าแค้มป์เก็บตัวอีกครั้งแรก และคราวนี้มีชื่อของ “ภูตะวัน โสภา” กับ “ศิริวัฒน์ สาขา” ร่วมทัพด้วย
สำหรับ “เรืออากาศโทศิริวัฒน์ สาขา” ชื่อนี้เป็นที่คุ้นหูแฟนๆตะกร้ออยู่แล้ว เพราะนี่คือตัวเสิร์ฟทีมชาติไทยชื่อก้องเจ้าของฉายา “ซ้ายสั่งตาย” ผู้มีลูกเสิร์ฟทรงพลัง ทว่าในปี 2562 มีอาการบาดเจ็บรบกวนร่างกายฟิตไม่ 100 เปอร์เซ็น ทำให้หลุดโผทีมชาติไทยลุยศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ในปีถัดมาชื่อของเขาก็หลุดโผชุดเก็บตัวทีมชาติไทย
ขณะที่ “ภูตะวัน โสภา” ถือเป็นตัวฟาดดาวรุ่งฟอร์มร้อนแรงเริ่มเฉิดฉายเป็นที่รู้จักของแฟนตะกร้อตั้งแต่ปี 2562 แม้ว่าขณะนั้นจะวัยเพียง 18 ปี แต่ลีลาหน้าตาข่ายขึ้นฟาดได้อย่างเฉียบคมโดดเด่นเกินวัย ซึ่งในการแข่งขันตะกร้อไทยแลนด์ ลีก ฤดูกาล 2562 ห้วงเวลาที่สวมเสื้อ “วานรพิฆาต” อำนาจเจริญ โชว์ฟอร์มได้ประทับใจยิ่งนักจนแฟนๆ ให้ฉายาว่า “นิวพรชัย เค้าแก้ว” สุดยอดตัวฟาดของเมืองไทย
ในปีต่อมาตะกร้อลีกฤดูกาล 2563 “ภูตะวัน” ไอ้หนุ่มหน้ามนจากเมืองอำนาจเจริญ ย้ายร่วมค่าย “อินทรีเจ้าเวหา” ปทุมธานี และในฤดูกาลนี้ ดาวรุ่งจากอำนาจเจริญ ยิ่งฉายแววเจิดจรัสโดนใจแฟนตะกร้อไทยอย่างมาก กลายเป็นกำลังสำคัญของทัพอินทรีเจ้าเวหาตลอดการแข่งขัน 18 แมตช์

ด้วยความสดในวัยหนุ่มฉกรรจ์ เฉลียวฉลาดไหวพริบดี ในฐานะเพชฌฆาตรหน้าตาข่ายจึงทำได้เยี่ยมยอดเฉียบคม จนแฟนๆ ตะกร้อไทยให้ฉายาว่านี่คือ “นิวพรชัย เค้าแก้ว” สุดยอดตัวทำตะกร้อทีมชาติไทยชื่อก้องโลก
บนสังเวียนตะกร้อไทยแลนด์ ลีก ปีนี้เอง “ภูตะวัน” ก็ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ร่วมกับทีมสโมสรตะกร้อปทุมธานี สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันเป็นครั้งแรกทั้งของสโมสรและตัวเขาเอง
ยังไม่หมดแค่นั้นในการแข่งขันตะกร้อชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานม.ว.ก.ครั้งที่ 42 ตัวฟาดวัย 20 ปีประสบความสำเร็จอีกครั้ง เมื่อร่วมทีมกองทัพอากาศพลิกโค่นแชมป์เก่ากองทัพบกลงได้ในรอบชิงชนะเลิศ
ด้าน “ศิริวัฒน์ สาขา” ในปี 2563 ต้องต่อสู้กับตัวเองทั้งจิตใจและร่างกายอย่างหนักเพื่อกลับคืนสนามอีกครั้งให้ได้ “ช่วงแรกยอมรับว่าผมยังมีความรู้สึกกลัวๆ ไม่กล้าเล่นเต็มที่เท่าไหร่” ครั้งหนึ่งแบ็กจอมเก๋าทีมชาติไทยได้เผยความรู้สึก
ช่วงแรกที่ฟิตจนกลับลงสนามแข่งขันได้หากสังเกตุจะเห็นได้ชัดว่าเกมเสิร์ฟยังดูเกร็งๆ ไม่ดุดันเหมือนที่เคยเห็นมาซึ่งนั่นก็คงเพราะยังหวาดกลัวการเจ็บซ้ำนั่นเอง กระทั่งเมื่อหายจากการเจ็บครั้งที่สอง ฟอร์มการเล่นเปลี่ยนไปแตกต่างจากต้นฤดูกาล เมื่อระเบิดเพลงเสิร์ฟได้อย่างเหี้ยมโหดเฉียบขาด จนแฟนตะกร้อเชื่อว่านี่แหละ “ซ้ายสั่งตาย” กลับมาแล้ว

กระทั่งพาทีม “อินทรีเจ้าเวหา” คว้าแชมป์ตะกร้อไทยแลนด์ ลีก 2563 ต่อด้วยแชมป์ตะกร้อชิงถ้วยพระราชทานม.ว.ก.ครั้งที่ 42 ร่วมกับรุ่นน้อง “ภูตะวัน โสภา”
จากที่เคยมีข่าวว่าชื่อของ “ศิริวัฒน์ กับ ภูตะวัน” อยู่ในโผทีมชาติไทย และเมื่อได้แชมป์ส่งท้ายปีทำให้ตอกย้ำว่าเก็บตัวคราวหน้าไม่น่าพลาดแน่นอน และในเกมนัดชิงชนะเลิศม.ว.ก.ครั้งที่ 42 ยอดกุนซือ “กมล ตันกิมหงส์” ก็ได้มานั่งชมจนกระทั่งจบการแข่งขันด้วย
หลังจบเกมนั้นให้สัมภาษณ์สั้นๆว่า “ผมก็มาดูฟอร์มของนักกีฬาทีมชาติไทยทั้งหมดที่ลงแข่งรายการนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้างซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วเราต้องมาดู และคนอื่นๆ ก็ดูด้วย” ตามสไตล์พูดกว้างๆ แม้จะไม่ระบุชัดแต่ก็เป็นดั่งกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้
และเปิดเผยอีกครั้งว่า ตะกร้อไทยมีเกมแข่งขันรออยู่หลายรายการต่อจากนี้ทั้งซีเกมส์, คิงส์ คัพ, เอเชียนอินดอร์และมาเชียลอาร์ตเกมส์ และ เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 จึงต้องเรียกนักกีฬามาเสริมความแข็งแกร่ง

ทั้ง ศิริวัฒน์ และ ภูตะวัน เราติดตามดูผลงานมาตลอด ซึ่ง ศิริวัฒน์ เพราะกลับมาโชว์ฟอร์มดีจึงได้เรียกกลับมาอีกครั้ง ส่วน ภูตะวัน เป็นดาวรุ่งที่ทำผลงานดี ผมต้องการให้เข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาไว้ สร้างกระดูกให้แข็งแกร่ง เพื่อเตรียมไว้ทดแทนรุ่นพี่ที่หลายคนอีกไม่นานก็ต้องถึงเวลาอำลาทีมชาติ” เฮดโค้ชตะกร้อชายทีมชาติไทย กล่าว
เจ้าของฉายา “ซ้ายสั่งตาย” เคยเผยก่อนหน้านี้ว่า “ยังหวังจะได้กลับไปติดธงรับใช้ชาติอีกสักครั้งได้แข่งขันในซีเกมส์และปิดฉากที่เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศจีนในปี 2565 และวันนี้ก็กลายเป็นจริง
โดยเจ้าตัวกล่าวว่า ดีใจมากที่ได้กลับมารับใช้ชาติอีก จะพยายามทุ่มเทให้มากยิ่งขึ้น และนำความสำเร็จมาให้กับประเทศไทยและวงการตะกร้อไทย “ขอบคุณทุกกำลังใจที่ผ่านมา จนหายเจ็บและกลับมาฟิตสมบูรณ์ จากนี้ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ”
ฝั่งดาวรุ่งวัย 20 ปีจากเมืองอำนาจเจริญ เผยว่า ดีใจที่ทำฝันของตัวเองสำเร็จเป็นก้าวแรกที่ภูมิจใจมากๆ ขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุน และอยากบอกพ่อที่อยู่บนฟ้าว่า “ผมทำได้แล้วครับ”
เส้นทางนับจากนี้ไม่มีอะไรง่ายในฐานะ “น้องใหม่” ภูตะวัน โสภา จะต้องเจอกับความกดดันมากมายทั้งในและนอกสังเวียนแข่งขัน ซึ่งเขาจะได้เรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และฝ่าไปให้ได้ ขณะที่ “ศิริวัฒน์ สาขา” จะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในวัย 33 ปี ว่ายังเจ๋งและมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันกับนักตะกร้อรุ่นน้องร่วมสังกัด นั่นคือ ความสำเร็จในเกมแข่งขันนานาชาติ
.jpg)
ประวัติ เรืออากาศโท ศิริวัฒน์ สาขา (ดิว)
เกิด 25 ตุลาคม 2531 อายุ33 ปี
ตำแหน่ง ตัวเสิร์ฟ
ประวัติกีฬา
ชนะเลิศเหรียญทอง คิงส์คัพ ตั้งแต่ 2553-2561 รวม 9 ครั้ง
ชนะเลิศเหรียญทอง ซีเกมส์ 4 ครั้ง
-ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่อินโดนีเซีย 2554
-ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่เมียนมาร์ 2556
-ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์ 2558
-ซีเกมส์ ครั้งที่ 29 มาเลเซีย 2560
ชนะเลิศเหรียญทอง เอเชี่ยนเกมส์3ครั้ง
-เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน 2553
-เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ 2557
-เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เมืองปาเลมบัง ประเทศอินโดนีเซีย 2561
.jpg)
ประวัติ ภูตวัน โสภา
เกิดวันที่ 8 มิถุนายน 2543 อายุ 20 ปี
ภูมิลำเนา : อ.พนา จ.อำนาจเจริญ
ตำแหน่ง ตัวทำ
บิดา ดาบตำรวจ สุพล, มารดา สายถวิล โสภา
มีพี่น้อง 2 คน มีน้องสาว ชื่อ พรรณิรินทร์ โสภา
ประวัติด้านกีฬา
สังกัดที่เคยร่วมทีมตะกร้อลีก : สโมสรตะกร้อมหาสารคาม, สโมสรตะกร้อนครราชสีมา และปัจจุบัน สโมสรตะกร้ออำนาจเจริญ
ผลงาน : แชมป์ตะกร้อกีฬานักเรียนอาเซียน 2 สมัย
: แชมป์ปี 2563 ร่วมกับสโมสรปทุมธานี “อินทรีเจ้าเวหา”
:รองแชมป์ ปี 2562 ร่วมกับสโมสรอำนาจเจริญ “วานรพิฆาตร”
ทีมชาติชุดใหญ่ : ครั้งแรก 2564

Add friend ที่ @Siamsport
