พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 13 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 22 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 38 (พ.ศ.2528) และจบการศึกษาระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์จาก City University ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังได้สำเร็จหลักสูตรต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ หลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของ F.B.I. หลักสูตร การควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (วปอ.รุ่นที่ 59) ประวัติรับราชการ ในตำแหน่งสำคัญๆ ได้แก่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) รองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา. ผู้บัญชาการ สำนักงานกำลังพล ผู้บัญชาการ สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 3 ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ผลงานที่โดดเด่นอีกชิ้นหนึ่ง ในตอนนี้ ได้แก่ การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร่วมกับหน่วยงานอื่น ตามนโยบายรัฐบาล ที่มีพบเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมตรี คอยขับเคลื่อนและกำชับการปฎิบัติ แก้ไขปัญหาฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน กสทช. สำนักงาน ปปง. สำนักงาน ก.ล.ต. และหน่วยงานเกี่ยวข้อง หารือกำหนดมาตรการและขั้นตอนปฏิบัติในการบูรณาการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายให้เสร็จใน 3 เดือน โดยในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งความคดีออนไลน์ จำนวน 132,747 เรื่อง แยกเป็น คดีออนไลน์ 22 ประเภท กรณีหลอกลวงซื้อขายสินค้าสูงสุด จำนวน 43,323 คดี การโอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม จำนวน 18,143 คดี และการหลอกลวงให้กู้เงินแต่ไม่ได้รับเงิน จำนวน 15,887 คดี สามารถจับกุมอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในปี 2565 แยกเป็น พนันออนไลน์สูงสุด 697 คดี ผู้ต้องหา 1,198 คน และการหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน 686 คดี ผู้ต้องหา 782 คน
แม้นว่าระยะเวลาการบริหารงาน ในการทำหน้าที่ผู้นำทัพของสำนักงานแห่งชาติ จะมีระยะเวลา เพียง 1 ปีหรือ 365 วัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่ยืนยันว่าตำรวจทุกคนจะต้องทำงานตามนโยบายที่ได้กำหนดและมอบหมายให้ไว้อย่างเต็มที่เพื่อความสุขของพี่น้องประชาชนให้สมกับให้สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”สุขเถิดปวงประชาตำรวจกล้าจะคุ้มภัย”